กรมอนามัย พร้อมให้ข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์สำหรับคุณ
วันนอนหลับโลก: การนอนหลับที่ดีเพื่อสุขภาพที่ยั่งยืน
วันนอนหลับโลก (World Sleep Day) จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในวันศุกร์ที่สองของเดือนมีนาคม เพื่อส่งเสริมความสำคัญของการนอนหลับที่ดีต่อสุขภาพ และสร้างความตระหนักถึงปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับที่ผิดปกติ โดยในปัจจุบัน การนอนหลับที่ไม่เพียงพอและไม่มีคุณภาพส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจของผู้คนทั่วโลก
ปัญหาการนอนไม่หลับ (Insomnia) เป็นภาวะที่พบได้บ่อยและอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตในหลายด้าน เช่น:
ความเครียดและภาวะซึมเศร้า: การนอนหลับไม่เพียงพออาจเพิ่มระดับความเครียดและความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า
ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง: การขาดการนอนส่งผลต่อสมาธิ ความจำ และการตัดสินใจ
เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง: การนอนหลับไม่ดีเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจ เบาหวาน และความดันโลหิตสูง
อุบัติเหตุจากความง่วง: ผู้ที่นอนหลับไม่เพียงพอมีแนวโน้มเกิดอุบัติเหตุทางถนนและการทำงานมากขึ้น
เพื่อให้การนอนหลับมีคุณภาพและช่วยให้ร่างกายได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ ควรปฏิบัติตามแนวทางต่อไปนี้:
นอนเป็นเวลา: ควรเข้านอนและตื่นนอนในเวลาเดียวกันทุกวัน แม้ในวันหยุด
หลีกเลี่ยงสารกระตุ้นก่อนนอน: งดดื่มคาเฟอีน แอลกอฮอล์ และหลีกเลี่ยงการใช้หน้าจออิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอน
สร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม: ห้องนอนควรมืด เงียบ และมีอุณหภูมิที่เหมาะสม
ออกกำลังกายเป็นประจำ: การออกกำลังกายช่วยส่งเสริมการนอนหลับที่ดี แต่ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักก่อนนอน
จัดการความเครียด: ใช้วิธีการผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิ หรือโยคะเพื่อช่วยลดความเครียดก่อนนอน
ความต้องการการนอนหลับแตกต่างกันไปตามช่วงวัย โดยมีแนวทางดังนี้:
ทารก (0-1 ปี): ควรนอนประมาณ 14-17 ชั่วโมงต่อวัน
เด็กเล็ก (1-5 ปี): ควรนอน 10-14 ชั่วโมงต่อวัน
เด็กวัยเรียน (6-12 ปี): ควรนอน 9-12 ชั่วโมงต่อวัน
วัยรุ่น (13-18 ปี): ควรนอน 8-10 ชั่วโมงต่อวัน
ผู้ใหญ่ (18-64 ปี): ควรนอน 7-9 ชั่วโมงต่อวัน
ผู้สูงอายุ (65 ปีขึ้นไป): ควรนอน 7-8 ชั่วโมงต่อวัน