คุณกำลังมองหาอะไร?

ณรงค์ล้างส้วมรับสงกรานต์

กรมอนามัย พร้อมให้ข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์สำหรับคุณ

05.04.2567
19
0
แชร์
05
เมษายน
2567

รณรงค์ล้างส้วมรับสงกรานต์

7 วิธีล้างห้องน้ำสกปรกให้สะอาดเหมือนใหม่

       ห้องน้ำสกปรก ไม่น่าใช้งาน เป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ที่หลาย ๆ บ้านต้องเผชิญ เพราะนอกจากจะทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่สวยงาม ไม่น่ามองแล้ว ยังเป็นที่อยู่อาศัยชั้นดีของเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา และเชื้อโรคอื่น ๆ ที่มองไม่เห็นด้วย ซึ่งอาจส่งผลที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของทุกคนในครอบครัวได้ 7 วิธีล้างห้องน้ำสกปรกมากให้สะอาดเหมือนใหม่

  1. ทำความสะอาดโซนเปียก

สำหรับห้องน้ำที่มีการแบ่งโซนเปียกและโซนแห้ง จะต้องรู้ถึงวิธีการทำความสะอาดทั้ง 2 โซนอย่างเหมาะสม เพื่อที่จะได้กำจัดคราบสกปรกออกได้อย่างหมดจด โดยสำหรับโซนเปียกที่ใช้อาบน้ำนั้นมักจะมีคราบสบู่ คราบไขมัน เส้นผม รวมไปถึงความชื้นสะสมอยู่ตามก๊อกน้ำและฝักบัว ทำให้ห้องน้ำสกปรกไม่น่าใช้งาน เป็นที่อยู่ของเชื้อรา ราดำและเชื้อโรคประเภทต่าง ๆ อีกมากมาย ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพของผู้ใช้งานได้

       วิธีทำความสะอาดก็เริ่มต้นด้วยการฉีดน้ำยาทำความสะอาดที่ไม่มีฤทธิ์เป็นกรดทำลายพื้นผิว หรือใช้น้ำสบู่ใส่ขวดสเปรย์ฉีดพ่นให้ทั่วบริเวณชั้นวาง ราวจับ ก๊อกน้ำ และอุปกรณ์อื่น ๆ ก่อนจะใช้ฟองน้ำขัดถูคราบสกปรกตามบริเวณต่าง ๆ  แล้วจึงใช้น้ำล้างให้สะอาด จากนั้นใช้ผ้าสะอาดเช็ดพื้นผิวให้แห้งเพื่อป้องกันความชื้นสะสม และหากคุณอยากมั่นใจว่าทุกครั้งที่อาบน้ำคุณจะได้ใช้น้ำที่สะอาด ก็ควรที่จะทำความสะอาดหัวฟักบัวซึ่งเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคด้วยเช่นกัน ซึ่งสามารถทำได้โดยการนำน้ำส้มสายชูมาผสมกับน้ำเปล่าใส่ถุงพลาสติก แล้วนำมาครอบไว้ที่หัวฟักบัว โดยใช้หนังยางมัดเอาไว้ จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที และเมื่อครบเวลาที่กำหนดให้แกะถุงออกแล้วเปิดน้ำด้วยความแรงสูงสุด เพื่อไล่สิ่งสกปรกที่ซ่อนอยู่ในหัวฝักบัวให้ออกมาให้หมด

  1. ทำความสะอาดผนัง เพดาน

บริเวณผนังห้องน้ำ เป็นอีกหนึ่งจุดที่มักมีคราบสบู่ คราบไขมัน รวมถึงฝุ่น ละอองต่าง ๆ มาเกาะติดอยู่เป็นประจำ สำหรับวิธีการทำความสะอาดบริเวณผนังนั้นสามารถทำได้โดยการฉีดพ่นน้ำอุ่นให้ทั่วผนัง จากนั้นใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ หรือฟองน้ำชุบน้ำสบู่ หรือน้ำยาทำความสะอาดที่เจือจางแล้วมาเช็ดเบา ๆ เพื่อกำจัดคราบ หลังจากนั้นจึงล้างด้วยน้ำเย็นอีกครั้งเพื่อเป็นการลดอุณหภูมิของพื้นผิว และอย่าลืมใช้ผ้าแห้ง หรือไม้รีดน้ำมาเช็ดผนังให้แห้งดีเพื่อป้องกันการสะสมของความชื้นซึ่งเป็นสาเหตุของเชื้อรา

ส่วนบริเวณเพดานของห้องน้ำก็สามารถใช้ไม้กวาด หรืออุปกรณ์ปัดฝุ่นปัดเช็ดให้ฝุ่นตกลงมาด้านล่างก่อนจะทำความสะอาดพื้นได้เลย ที่สำคัญคือไม่ควรใช้น้ำฉีดขึ้นไปด้านบน เพราะจะทำให้มีความชื้นที่ฝ้ามากเกินไป และอาจทำให้ฝ้าเพดานเสียหายได้

  1. ทำความสะอาดคราบสกปรกบนอ่างล้างหน้า

อ่างล้างหน้าเป็นอีกจุดที่พบคราบสกปรกได้บ่อย เพราะเป็นจุดที่ต้องใช้งานทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการล้างหน้า แปรงฟัน รวมถึงการล้างมือทุกครั้งหลังทำธุระส่วนตัว ทำให้เกิดความสกปรกขึ้นได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นคราบหินปูน คราบตะกอนที่เกาะอยู่ตามก๊อกน้ำหรือท่อระบายน้ำที่อ่างล้างมือ โดยวิธีการทำความสะอาดอ่างล้างหน้านั้นก็ไม่ยากเลย โดยเฉพาะอ่างล้างหน้าที่มีสารเคลือบเรียบลื่นพิเศษก็สามารถล้างแล้วเช็ดคราบออกโดยง่ายด้วยการใช้น้ำยาล้างจาน เพื่อไม่ให้สารเคลือบหลุดล่อน หรือเสื่อมอายุการใช้งานเร็ว

ไม่ใช่เพียงบริเวณด้านบนอ่างล้างหน้าเท่านั้น แต่ต้องทำความสะอาดภายในท่อด้วย โดยอาจใช้ส่วนผสมของน้ำส้มสายชูกับเบกกิ้งโซดา เทลงในท่อระบายน้ำอ่างล้างมือ จากนั้นจึงเทน้ำร้อนตามลงไป เพื่อกำจัดคราบไขมัน และคราบสกปรกที่ติดค้างอยู่ในท่อระบายน้ำ ช่วยให้ระบายน้ำทิ้งได้ดีขึ้น อีกทั้งยังสามารถช่วยป้องกันปัญหาอ่างล้างหน้าตัน และลดปัญหากลิ่นจากท่อน้ำได้อีกด้วย

  1. ทำความสะอาดคราบเหลืองตามโถสุขภัณฑ์

สำหรับขั้นตอนที่ห้ามละเลยโดยเด็ดขาดเมื่อล้างห้องน้ำที่สกปรกมากก็คือ การทำความสะอาดโถสุขภัณฑ์ เพราะหากไม่ได้ทำความสะอาดนาน ๆ ก็อาจเกิดคราบเหลืองและคราบสกปรกบนโถสุขภัณฑ์ได้ ซึ่งนอกจากจะเป็นภาพที่ไม่น่ามองแล้วยังเป็นแหล่งรวมเชื้อโรคอีกด้วย จึงควรทำความสะอาดด้วยการเทน้ำยาทำความสะอาดทิ้งไว้สักพัก แล้วใช้แปรงขัดทำความสะอาดให้ครบทุกซอกมุม โดยอย่าลืมทำความสะอาดตามมุมอับต่าง ๆ ของบริเวณขอบโถด้วย จากนั้นให้ปิดฝาโถสุขภัณฑ์ก่อนกดชำระล้าง เพื่อป้องกันสารเคมีกระเซ็นออกจากตัวโถ

  1. ทำความสะอาดร่องยาแนวและคราบขาวบนพื้น

เมื่อทำความสะอาดสุขภัณฑ์ต่าง ๆ ทั้งโถชักโครก อ่างล้างหน้า และฝักบัวไปแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้คนทำความสะอาดห้องน้ำต้องเหนื่อยก็คือ บริเวณพื้นห้องน้ำที่มักมีคราบขาวและร่องยาแนวที่มักมีเชื้อราดำเกาะอยู่ ถึงแม้จะดูเป็นปัญหาที่แก้ได้ยาก แต่หากเลือกใช้วิธีล้างห้องน้ำที่เหมาะสมก็จะสามารถทำความสะอาดได้อย่างง่ายดาย อย่างการใช้ส่วนผสมของน้ำส้มสายชู และเบกกิ้งโซดาก็สามารถทำความสะอาดพื้นให้กลับมาเหมือนใหม่ได้ง่าย ๆ แล้ว สำหรับวิธีทำก็คือ เพียงแค่นำน้ำส้มสายชูผสมเบกกิ้งโซดาราดลงบนพื้นเปียก จากนั้นทิ้งไว้สักพักหนึ่ง แล้วใช้แปรงขัดลงบนคราบสกปรก โดยอาจเลือกใช้แปรงขนาดเล็กอย่างแปรงสีฟันเก่า หรือแปรงทำความสะอาด มาขัดตามร่องยาแนวเพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่า จากนั้นจึงล้างพื้นด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งแล้วใช้ไม้รีดน้ำกวาดน้ำออกให้หมดเพื่อป้องกันความชื้นสะสม

  1. อย่ามองข้ามระบบระบายอากาศ

เนื่องจากพัดลมดูดอากาศนั้นต้องสัมผัสกับความชื้น เศษฝุ่นสิ่งสกปรกและคราบไขมันเป็นประจำ เมื่อใช้งานไปนาน ๆ ก็จะทำให้เกิดคราบสกปรกเกาะติดอยู่ที่พัดลมดูดอากาศได้ ซึ่งอาจทำให้พัดลมเกิดเสียงดังและอาจเสียหายได้ในอนาคต ดังนั้นการทำความสะอาดพัดลมดูดอากาศแบบติดผนังหรือแบบติดเพดานบ้าง ก็ถือว่าเป็นการทำความสะอาดที่ควรจะทำควบคู่กันไปด้วย โดยการถอดฝาปิดใบพัดออก แล้วนำใบพัดของพัดลมดูดอากาศออกมาเช็ดทำความสะอาด รวมถึงการเช็ดทำความสะอาดฝาปิดและภายในพัดลมด้วย ก็จะช่วยลดการสะสมของฝุ่น และคราบสกปรกได้เป็นอย่างดี

  1. เช็ดกระจกและพื้นที่อื่น ๆ ให้เรียบร้อย

การทำความสะอาดกระจกเป็นสิ่งที่ต้องทำเป็นประจำ เพื่อเป็นการกำจัดทั้งคราบยาสีฟัน คราบสบู่ ไปจนถึงฝ้าจากไอน้ำที่เกาะบนกระจกออกไป โดยอาจใช้วิธีการเช็ดกระจก ด้วยน้ำยาเช็ดกระจก น้ำยาล้างจาน หรือจะใช้แอลกอฮอล์เช็ดทำความสะอาดก็ได้เช่นกัน ซึ่งนอกจากกระจกแล้ว ก็อย่าลืมเช็ดทำความสะอาดอุปกรณ์ของใช้ต่าง ๆ ภายในห้องน้ำเช่น ชั้นวางของ ที่วางสบู่ แก้วใส่แปรงสีฟัน และขวดของใช้ต่าง ๆ ให้แห้งสะอาดอยู่เสมอ เพื่อป้องกันความชื้นสะสมจนเกิดเป็นคราบราดำด้วย

 

ที่มา : https://www.moving.com/tips/step-by-step-guide-on-how-to-deep-clean-a-bathroom/

https://mom.com/momlife/how-to-deep-clean-your-bathroom-in-20-minutes

https://www.diynetwork.com/how-to/maintenance-and-repair/cleaning/laundry-care-how-to-remove-tough-stains

https://youtu.be/MygkJZhL-L4

 

กรมอนามัย
เรามีสาระสุขภาพดีๆ
ส่งตรงถึงคุณ
ทุกวัน